ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย

ร้าน เอส . เอส . คาร์เซ็นเตอร์

อยากสอบถามทาง ร้านเอส.เอส.คาร์เซ็นเตอร์ ว่า ได้รับเงินจองรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า อาแวนซ่า รุ่น E
ไปจำนวน 4,000 บาท พร้อมสำเนาบัตรประชาชน 1 ใบของดิฉันไปตั้งแต่ วันที่ 2 เมษายน 2551 แล้ว
เซลของทางร้านชื่อคุณธนิกา ชื่อเล่นน้อง บอกว่าจะเช็คไฟแนนซ์ที่ธนชาติให้ เพราะดิฉันเป็นลูกค้า
ธนชาติอยู่จะจัดไฟแนนซ์ง่ายกว่าไปจัดที่อื่นและจะรีบแจ้งผลกลับมาไม่เกิน 3 วันจากนั้นจะให้ทาง
ไฟแนนซ์วิ่งมาหาดิฉันที่ทำงานเพื่อเซ็นเอกสารจัดไฟแนนซ์ ขณะนี้ผ่านล่วงเลยมา 7 วันแล้ว ไม่ได้มี
อะไรคืบหน้าเลย ดิฉันโทรไปคุณน้องก็บอกแต่ว่าจะตามให้นะ แล้วก็หายเงียบไป ไม่ทราบว่าตกลง
ทางร้าน เอส.เอส.คาร์เซ็นเตอร์ มีเจตนาจะเบี้ยวเงินจองของดิฉัน ใช่รึไม่ค่ะ ดิฉันจะได้ดำเนินการจัด
การบางอย่างต่อไปได้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2551 ดิฉันก็ยังอุตส่าห์ส่งข้อความไปหาคุณน้องแจ้งกับเขา
ว่าถ้าคุณยังหาตัดรถยนต์เพื่อมาขายให้ดิฉันไม่ได้ก็ให้คุณโทรกลับมาแจ้งกันบ้าง ไม่ใช่ให้แต่ดิฉันเป็น
ฝ่ายโทรไปถามคุณแทบจะทุกวัน ตอนจ่ายเงินจองช้าคุณน้องก็ต่อว่าดิฉันหาว่าไม่ไว้ใจคุณ ทำไม ไม่
คิดให้ดีก่อนจะมาซื้อรถ ดิฉันก็ยังอุตส่าห์ยอมจ่ายเงินให้คุณไปนะ ก็ไม่เคยเห็นเซลขายรถที่ไหนต่อว่า
ลูกค้าเหมือนกัน คิดว่าคุณก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแถมเป็นแม่คนแล้วด้วย(เห็นคุณเล่าแบบนั้น)ก็เลยไม่
คิดว่าจะมาหลอกเงินกันหลอก แถมยังให้โอกาส แต่คุณก็เงียบหายตามเคยไม่โทรมาเลย แบบนี้จะให้
ทางครอบครัวดิฉันคิดอย่างไร ดิฉันจะให้เวลาทาง ร้าน เอส.เอส.คาร์เซ็นเตอร์กับคุณแค่ 2 วันเท่านั้น
ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้าในเรื่องเงินจองรถของดิฉัน ดิฉันก็จะดำเนินการตามที่ทางท่านเสรี เตมียาเวช
ได้แนะนำมาต่อไป เพราะทางคุณน้องอาจจะคิดว่าดิฉันทำอะไรไม่ได้หรอก ก็ต้องลองดูกันต่อไปค่ะ
ดิฉนไม่เคยขู่ใครค่ะ เงินของใครๆ ก็หวงเป็นธรรมดา ยิ่งคนไม่ใช่ญาติพี่น้องกันจะมาเอาเงินกันไป
ใช้เฉยๆได้ไงค่ะ อีก 1 วันก็สงกรานต์แล้ว แม้แต่วิญญาณไฟแนนซ์ยังไม่เห็นเลย จัดได้ไม่ได้ก็ไม่บอก
ดิฉันก็ไม่ใช่ผู้หยั่งรู้ซะด้วยนะค่ะ ที่จะให้มานั่งเดาเอาเองกับเหตุการณ์แบบนี้


เกษราภรณ์